ไปเที่ยวปีนังกันมั๊ยครับ??.... จะพาไป
เป็นการเดินทางในแบบที่หลายๆคน ยังไม่เคยมีโอกาสได้ลองประสบการณ์ใหม่
... โดยการโดยสารไปกับขบวนรถด่วนระหว่างประเทศ กรุงเทพ-บัตเตอร์เวอร์ธ ...
....แล้วนั่งเรื่อเฟอร์รี่ข้ามฟากไปปีนัง....
....เป็นประสบการณ์ที่สนุกทีเดียวแหละ
แผนการเดินทาง..
- ตอนสายๆ ออกเดินทางโดยรถตู้ปรับอากาศจาก อ.ปลวกแดงจังหวัดระยอง มาสถานีรถไฟหัวลำโพงไม่ทันเที่ยงเราก็ถึงหัวลำโพง หาอะไรทานกันไม่รีบร้อน
- เวลาประมาณบ่าย 2 กว่าๆ ก็ทยอยขึ้นสู่ขบวนรถด่วนระหว่างประเทศ ขบวนที่ 35 กรุงเทพ ปลายทาง บัตเตอร์เวอร์ธ ขบวนรถจะออกจาก บ่าย 2 โมง 45 นาที เป็นรถชั้นที่ 2 นั่งและนอนปรับอากาศ ชนิด 40 ที่รุ่นใหม่ ( บนท.ป. ) ราคาค่าตั๋ว เตียงบน 1,020 บาท และเตียงล่าง 1,110 บาท
- มื้อเย็นเราทานอาหารในตู้เสบียง บนรถไฟ ชมบรรยากาศยามใกล้ค่ำสองข้างทาง ดินเนอร์ จิบเบียร์เย็นๆ
- จากนั้นก็ราตรีสวัสดิ์ แยกย้ายกันไปนอน .... ตื่นมาอีกทีก็ใกล้ถึงหาดใหญ่แล้วแหละ
- พอรถถึงสถานีหาดใหญ่ รถจอดที่นี่พักใหญ่ เนื่องจากต้องตัดตู้เพื่อเข้าสู่มาเลเซีย ก็มีแม่ค้าขึ้นมาขายของบนขบวนรถ เราก็เลือกซื้ออาหารพื้นบ้านเป็นไก่ทอดหาดใหญ่ (ของแท้ เพราะทอดที่หาดใหญ่) แล้วเราก็ทานเป็นอาหารเช้า... พอใช้ได้เลยแหละ
- รถไฟออกจากหาดใหญ่ วิ่งไปผ่านสถานีคลองแงะ แล้วไปจอดที่สถานีปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย เพื่อทำพิธีการตรวจคนเข้าเมือง...
- ออกจากปาดังเบเซาร์ ผ่านอะลอร์เซตาร์ กูรูน เคดาห์ ก็ทิวทัศน์แปลกตา ดูบ้านเรือนและผู้คนสองข้างทาง มันช่างต่างแปลกหูแปลกตาไปจากบ้านเราจังเลย... รึว่ารู้สึกไปเอง...
- รถวิ่งมาจนถึงประมาณเที่ยงๆ ก็เทียบชานชาลาสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางโดยรถไฟ ขบวนที่เดินทางไกลที่สุดของ รฟท.
- จากสถานีบัตเตอร์เวอร์ธก็มีทางเดินเชื่อมต่อไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ ซึ่งจะพาเราข้ามไปปีนัง จ่ายค่าเรือคนระ 2 ริงกิต (จ่ายเฉพาะขาเข้าอย่างเดียว ขากลับฟรี) เรือแล่นประมาณ 20 นาทีเราก็มาถึงฝั่งปีนัง
- จากฝั่งปีนังเราก็ขึ้นรถตู้ที่เรานัดเอาไว้ พาเราไปส่งที่โรงแรมเทรดเดอร์ (ชื่อเดิมแชงการีล่า) เป็นโรงแรมประมาณ 4 ดาว ติดกับศูนย์การค้าและตึกคอมต้า
ก่อนออกเดินทาง ก็ต้องมีการถ่ายรูปเป็นหลักฐานกันก่อนครับ
เรามาถึงสถานีหัวลำโพงประมาณเที่ยงกว่า ตอนนี้รถยังไม่เทียบชานชาลา สมาชิกเลยต้องนั่งรอกันที่ห้องโถงสถานี ... ตอนนี้ห้องโถงสถานีหัวลำโพงติดแอร์แล้ว สะอาดดีใช้ได้เลย ไม่อายแขกบ้านแขกเมือง...
ห้องโถงสวยงามสมเป็นสถานีอันดับ 1 ของประเทศ
ประมาณเกือบบ่ายสองโมงเราก็เดินทางขึ้นสู่ขบวนรถ .. ขึ้นเป็นชุดแรกๆ เลย กลัวตกรถ 555
ภายในรถนั่งและนอนปรับอากาศ ชั้น 2 ขบวนนี้พ่วงตู้รุ่นใหม่ครับ ตู้รุ่นนี้ได้ข่าวว่ามีพ่วงเฉพาะรถบัตเตอร์เวอร์ธ กับด่วนนครพิงค์เท่านั้นครับ ... จะสังเกตว่าจะไม่มีที่วางสัมภาระด้านข้างริมทางเดิน แต่จะจัดที่วางสัมภาระไว้เหนือศีรษะ ทำให้ที่นั่งจะกว้างขวางมากว่ารถรุ่นเก่า
ที่นั่งกว้างขวางครับ นั่งสบายเลยครับ ....
ก่อนรถออกก็ขอถ่ายภาพกันอีกซักรูป
รถออกเดินทางแล้วครับ เริ่มมีการเอนเอาแรงแล้วครับ
คู่นี้ยังไหวอยู่ครับ นั่งชมวิวข้างทาง
สองหนุ่มนี้แอบก๊งกันตลอดทางเลยครับ... จะไม่แอบได้ยังไง ที่นั่งฝั่งตรงข้ามพี่แกเป็นพระโดยสารมาด้วย เลยต้องมีหิริ โอตตัปปะ เป็นธรรมดา... สาธุ
พอเลยนครปฐมมาหน่อย สาวๆ ก็พร้อมใจกันนอนเป็นตับ ตามภาพ
ช่วงก่อนค่ำก็ย้ายกันมาที่ห้องเสบียง สั่งอาหารทานกัน อาหารบนรถไฟรสชาดก็ใช้ได้ครับ ราคาแพงกว่าร้านอาหารทั่วไปนิดหน่อย แต่ที่ชอบที่สุดก็คือทานอาหารไปชมวิวสองข้างทางไป ได้บรรยากาศดีแท้...
สภาพตู้เสบียงในรถโดยสารระหว่างประเทศ เป็นห้องอาหารติดแอร์ครับ สะอาดดีแต่มีข้อเสียก็ตรงที่พอเวลาค่ำกระจกจะสะท้อนมองออกไปข้างนอกจะไม่เห็น ทำให้ไม่สามารถนั่งจิบเบียร์ชมวิวได้ ... ดังนั้นหากจะกินบรรยากาศก็ต้องมาเสียก่อนค่ำ ....
ทานอาหารเสร็จก็ท้องฟ้ามืดพอดีครับ จะเห็นว่าพนักงานเริ่มจัดที่นอนให้แล้วครับ
ตัดมาเป็นตอนเช้าแล้วครับ ... จะเห็นสวนยางเป็น Back Ground สองสาวตื่นมาก็ถ่ายรูปกันต่อครับ...
ภาพนี้เป็นช่วงประมาณบ้านทุ่งลุง หลังจากรถออกจากหาดใหญ่ไม่นาน เสียดายไม่ได้เก็บภาพตอนรถเข้าสู่สถานีหาดใหญ่ ..... รถจอดที่สถานีหาดใหญ่นานพอสมควร เพราะต้องตัดตู้เหลือเพียงตู้ชั้น 2 ที่จะวิ่งข้ามเขตไปบัตเตอร์เวอร์ธแค่ 3 ตู้เท่านั้นครับ .... ช่วงที่รถจอดมีแม่ค้าขึ้นมาขายของในขบวนรถ จำพวกข้าวเหนียวไก่ทอด... เราก็ซื้อทานเป็นอาหารเช้า รสชาดดีจริงๆครับ เพราะเป็นไก่ทอดหาดใหญ่ของแท้.. อิอิ..
ทานอาหารเช้าอิ่มแล้ว ก็นั่งคุยกันต่อเรื่อยเปื่อย.. วันนี้รถเสียเวลาประมาณชั่วโมงกว่า (สังเกตดูที่นั่งในรถรุ่นใหม่นี้สามารถนั่งได้ข้างละ 2 คน สบายๆ)
รถออกจากหาดใหญ่ จะจอดที่สถานีคลองแงะ ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะมุ่งหน้าสู่สถานีปาดังเบซาร์
สาวๆเริ่มทานอาหารว่ากันแล้วครับ ...
เสบียงเริ่มหมดแล้ว เหลือแต่กล้วยที่ยังขายไม่ออก
รถจะจอดที่สถานีปาดังเบซาร์ฝั่งไทยครู่หนึ่ง ก่อนวิ่งข้ามเขตแดนมาสู่สถานีปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย ซึ่งผู้โดยสารทุกคนต้องลงที่สถานีนี้ เพื่อทำพิธีการตรวจคนเข้าเมือง... คือปั๊มพาสปอร์ตออกจากประเทศไทย แล้วก็ปั๊มพาสปอร์ตขาเข้ามาเลเซีย ... ซึ่งห้องพิธีการทั้งสองก็อยู่ติดกันครับ
ขณะที่เราทำพิธีการตรวจคนเข้าเมือง กลับออกมาหัวรถจักรก็ถูกเปลี่ยนเป็นรถจักรของมาเลเซียแล้วครับ
ตอนนี้ก็ต้องรีบกลับขึ้นรถแล้วครับ ... สังเกตดูชานชาลาฝั่งมาเลเซียจะยกสูง ระนาบเดียวกับพื้นรถ แบบเดียวกับรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ
บรรยากาศชนบทข้างทาง คล้ายๆบ้านเรา แต่ยังไงๆ ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว
ระหว่างทางจะสังเกตเห็นอาคารชั้นเดียว เก่าๆ ทรงคล้ายๆ เรือนปั้นหยา มีให้เห็นอยู่ทั่วไป น่าจะเป็นอาคารที่ทำการของรัฐสมัยยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เพราะปัจจุบันเลิกใช้แล้ว...
ทางตัดรถไฟ แถวชานเมืองก่อนถึงอะลอร์สตาร์
ตอนนี้รถไฟกำลังวิ่งเข้าสู่สถานีบัตเตอร์เวอร์ธครับ
ถึงสถานีปลายทางบัตเตอร์เวอร์แล้วครับ
รถจักรไอน้ำ จอดโชว์อยู่หน้าสถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธ สวยงามมากครับแต่สภาพไม่ค่อยได้ดูแลเท่าไร เพราะเริ่มจะผุแล้ว น่าเสียดายจัง...
นี่ก็เป็นรถจักรดีเซลไฟฟ้า สภาพพอๆ กันกับรถจักรไอน้ำครับ... น่าเสียดายจังหากต้องผุพังไปเพราะขาดการดูแลรักษา
ช่วงทางเดินก่อนจะขึ้นท่าเรือเฟอร์รี่
ทางเดินไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ ระยะทางประมาณ 1 หอบ แต่ดีหน่อยที่ทางเดินเป็นสะพานลอยมีหลังคากันแดดกันฝน
บริเวณสถานีรถไฟอยู่ใกล้กับสถานีขนส่ง... ในภาพเป็นท่าปล่อยรถประจำทางจากบัตเตอร์เวอร์ธ-อลอร์สตาร์ เมืองหลวงของรัฐเคดาห์... ไว้โอกาสหน้าจะลองนั่งไปเที่ยวดูซะที...
เสียดายไม่ได้เก็บภาพตอนขึ้นเรือ ภาพที่เห็นเป็นภาพตอนที่เรือที่เราโดยสารอยู่กำลังแล่นออกจากท่า ขณะเดียวกันเรือลำสีแดง-เหลือง กำลังเทียบท่า
ภาพที่เห็นลิบๆ เป็นสะพานข้ามฟากจากแผ่นดินใหญ่ข้ามไปยังเกาะปีนัง มีความยาว 13 กิโลเมตร ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหากสำหรับรถยนต์ที่ไม่ต้องการใช้บริการเรือเฟอร์รี่
มองไปอีกฟากก็จะเห็นเกาะปีนัง ตึกสูงๆ คือตึกคอมต้า ซึ่งอยู่ติดกับโรงแรมที่เราจะไปพักคืนนี้ครับ
บนเรือเฟอร์รี่ครับ เรือลำนี้จะมี 2 ชั้น คนโดยสารจะขึ้นชั้นบน ส่วนชั้นล่างจะบรรทุกรถข้ามฟาก เรือเฟอร์รี่นี้จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ในการพาเราข้ามจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง
ภาพเรือเฟอร์รี่อีกลำที่แล่นสวนมา
- ตอนนี้เราเดินทางมาเกือบถึงปีนังแล้วครับต้องขอยุติการรีวิวการเดินทางไว้ตอนนี้ก่อน ส่วนภาพการท่องเที่ยวในปีนัง เอาไว้นำเสนอในตอนต่อไปนะครับ...
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น