TRAVEL 2551 Blog ของคนรักการเดินทาง...


... สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินทาง ไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง...
.... แต่สิ่งที่สำคัญเหนือไปกว่านั้น... คือ
การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และความประทับใจ ในระหว่างการเดินทาง ....

นั่งรถไฟ หาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์


วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การเดินทางที่สุดประทับใจครั้งหนึ่ง
คือการเดินทางโดยรถไฟ ขบวนรถด่วนลังกาวี ของการรถไฟมาเลเซีย
จากสถานีชุมทางหาดใหญ่ สุดปลายทางที่สถานีเซนทรัลกัวลาลัมเปอร์
..........................................................................
.....เริ่มต้นการเดินทางเราต้องจัดการเรื่องตั๋วก่อนครับ ซึ่งก็จัดการได้สะดวกมาก โดยการเข้าไปซื้อตั๋วออนไลน์ที่เว็บไซต์ของการรถไฟมาเลเซีย http://www.ktmb.com.my/ จากนั้นก็ทำการใส่ข้อมูลส่วนตัวเพื่อสมัครสมาชิก จากนั้นเราจะได้ User ID ซึ่งใช้อ้างอิงสำหรับการซื้อตั๋วออนไลน์
.....สำหรับการชำระเงินที่สะดวกที่สุด แนะนำว่าให้ใช้วิธีการชำระผ่านทางบัตรเครดิต เพราะเราสามารถตรวจสอบผลการชำระเงิน และขอบันทึกหลักฐานการชำระเงินจากผู้ให้บริการบัตรเครดิตได้ ลองดูนะครับ... ไม่ยากและสะดวกกว่ารถไฟบ้านเราอีก...
.....สำหรับขบวนรถไฟโดยสารระหว่างประเทศที่วิ่งจากหาดใหญ่เข้าสู่ประเทศมาเลเซีย มีทั้งสิ้น 2 ขบวนคือขบวนรถด่วนพิเศษที่ 35 จากกรุงเทพ ปลายทางบัตเตอร์เวอร์ธ ซึ่งเป็นรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยขบวนนี้จะออกจากสถานีกรุงเทพทุกวันตอนบ่าย และจะไปถึงสถานีปลายทางที่บัตเตอร์เวอร์ธประมาณเที่ยงของวันถัดไป ซึ่งการเดินทางโดยรถขบวนนี้ ผมได้ทำรีวิวการเดินทางไปแล้วที่ http://travel2551.blogspot.com/2008/09/2.html
.....ส่วนรถไฟอีกขบวนซึ่งเป็นรถของการรถไฟมาเลเซีย (KTMB) ชื่อว่า Ekpress Langkawi จะออกจากสถานีหาดใหญ่ทุกวันเวลาประมาณบ่าย 2 โมง 20 นาที ไปถึงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธประมาณสองทุ่มครึ่งตามเวลามาเลเซียซึ่งเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง จากนั้นก็ออกจากสถานีบัตเตอร์เวอร์ธตอนสามทุ่ม และจะถึงสถานีเซนทรัลกัวลาลัมเปอร์ตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น .... ซึ่งผมจะทำการรีวิวการเดินทางให้ได้ชมกันต่อไปนี้แหละครับ...

ภาพนี้คือตั๋วออนไลน์ที่เรา print ออกมาหลังจากขั้นตอนการซื้อตั่วทางอินเตอร์เน็ต

ซึ่งก็สามารถใช้ตั๋วนี้นำไปแสดงตัวตอนขึ้นรถได้เลยครับ

สำหรับค่าตั๋วจากหาดใหญ่-KL ตู้นอนเตียงบน-ล่าง 2 คน ค่าโดยสารรวม 109 ริงกิตครับ

(1 ริงกิต คิดเป็นเงินไทยประมาณ 10 บาท)




เราเริ่มต้นที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ ครับ
เรามาถึงหาดใหญ่ 10 โมงเช้า เพราะนัดเพื่อนไว้กะจะได้ตระเวณเมืองหาดใหญ่ซักนิดก็ยังดี...

รถไฟขบวน กรุงเทพ-ยะลา กำลังจอดเทียบอยู่ที่ชานชาลา วันนี้รถไปเสียเวลาครับ
.... วันนี้สถานีหาดใหญ่ยังคงคราคร่ำด้วยผู้คนทั้งไทยพุทธ ไทยมุสลิม เนื่องจากขบวนรถที่กำลังเทียบชานชาลาเป็นรถขบวนที่จะเดินทางไปสู่เขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ การรักษาความปลอดภัยที่สถานีและบนขบวนรถจึงต้องมีความเข้มงวดกันหน่อย มีทหารถือปืนรักษาความปลอดภัยอยู่หลายนายครับ... แต่ก็ไม่กล้าไปเก็บภาพมาครับ กลัวทหารเห็นเราถ่ายภาพแล้วตกใจเกิดทำปืนลั่นขึ้นมาจะเจ็บตัวเปล่า 555
..... เราเข้ามาฝากกระเป๋าที่ห้องบริการรับฝากสัมภาระของทางสถานี จากนั้นก็โทรนัดให้เพื่อนมารับไปเที่ยวเมืองหาดใหญ่....



นัดเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน เพื่อนเค้ามามีครอบครัวอยู่ที่หาดใหญ่
วันนั้นเค้าพาไปกินข้าว แล้วไปพักพักผ่อนที่สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่
ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหาดใหญ่ประมาณ 4 กิโล


นั่งรถตระเวนไปในเมืองหาดใหญ่
.....หาดใหญ่วันนี้คึกคักพอดู กลับมาสู่สภาพปกติซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้า การท่องเที่ยวของภาคใต้ตอนล่าง ไม่ได้เงียบเหงาเหมือนตอนเกิดเหตุระเบิดป่วนเมืองใหม่ๆ .....ประมาณบ่ายโมงเพื่อนเราก็มาส่งที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีหาดใหญ่ เราก็เดินเล่นในห้างแอร์เย็นๆ เพลินๆ รอเวลาขึ้นรถไฟ ที่ห้างนี้คนคึกคักมากเลยครับ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าหาดใหญ่กลับมาสู่ภาวะปกติแล้วครับ ...


รถจักรไอน้ำ หน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่


เกือบบ่าย 2 โมงเราก็กลับมาที่สถานีรถไฟ

ตอนนี้รถไฟขบวน กรุงเทพ-ยะลา ออกจากสถานีไปแล้ว

และกำลังมีรถขบวนท้องถิ่นเข้าเทียบชานชาลาอีกขบวน

..... ตอนแรกก็แปลกใจเหมือนกันครับว่าบ่าย 2 โมงแล้วรถด่วนลังกาวียังไม่มาเทียบชานชาลา แต่พอไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ห้องฝากสัมภาระ เค้าบอกว่าปกติรถด่วนลังกาวีจะจอดเทียบชานชาลา ที่ชานชาลาที่ 5 โน่น... แหละครับ เราจึงต้องเดินลอดอุโมงค์ไปที่ชานชาลาที่ 5 ครับ




อุโมงค์ลอดทางรถไฟ เพื่อไปชานชาลาที่ 5

บรรยากาศอับ..เหม็นกลิ่นปัสสาวะ แสบจมูกเลยครับ....


นี่คือโฉมหน้ารถด่วนลังกาวีของการรถไฟมาเลเซีย

...... รถด่วนขบวนนี้ขณะออกจากหาดใหญ่ จะพ่วงตู้โดยสารจำนวน 2 ตู้ เป็นตู้นอนปรับอากาศ 1 ตู้ และเป็นตู้นั่ง ชั้นสอง 1 ตู้ และยังพ่วงตู้เครื่องปั่นไฟสำหรับในขบวนรถอีก 1 ตู้



รถไฟมาเลเซียเค้าปรับเป็นที่นอนตลอดเลยครับ เลยดูอึดอัดน่าดู


ดีหน่อยที่เตียงบนเค้ามีช่องให้มองออกไปข้างนอกได้

ดังนั้นใครได้ที่นอนเตียงชั้นบน ก็ขึ้นรถปุ๊บก็นอนเลยครับ

..... รถนอนของมาเลเซียจะมีหมอน กับปูที่นอนให้เท่านั้นครับ จะไม่มีผ้าห่มให้ครับ และดูจากสีและกลิ่นของที่นอน หมอน ยืนยันได้เลยครับว่ารถไฟของเราสะอาดกว่ามากครับ โดยเฉพาะของเรามีผ้าห่มซึ่งแพ็คมาในถุงอย่างดี วางใจได้เรื่องความสะอาด



บ่ายสามโมงสิบนาที รถไฟก็เคลื่อนขบวนออกจากสถานีหาดใหญ่แล้วครับ

รถเสียเวลาประมาณเกือบห้าสิบนาที

ตอนรถออกจากหาดใหญ่รถว่างมาก มีผู้โดยสารทั้งขบวนไม่ถึง 30 คนเลยครับ


รถไฟขบวนที่เรานั่งอยู่มุ่งหน้าสู่สถานีปาดังเบซาร์ ส่วนทางรถไฟอีกสายที่เห็นในภาพ

เป็นสายที่แยกไป โคกโพธิ์(ปัตตานี),ยะลา และสิ้นสุดปลายทางที่สถานีสุไหงโก-ลก


ที่นั่งชั้นสอง มีจอทีวีจอ LCD ด้วย แต่ไม่รู้ว่าเค้าเปิดรึเปล่า แต่ตอนที่เราเข้าไปเค้าปิดอยู่



ออกจากหาดใหญ่ได้ไม่ไกลนัก ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม แล้วไม่นานฝนก็ตกหนักเลย...


ประมาณไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจากหาดใหญ่ รถไฟก็พาเราข้ามเข้ามาในเขตแดนประเทศมาเลเซีย


และแล้วรถก็มาจอดที่สถานีปาดังเบซาร์

..... ที่สถานีนี้เราต้องนำสัมภาระทั้งหมดลงจากรถ และทำพิธีการตรวจคนเข้าเมือง โดยการทำพิธีการขาออกที่ห้องตม. ไทย แล้วจากนั้นก็ทำพิธีการขาเข้าที่ ตม.มาเลเซีย ซึ่งอยู่ในห้องถัดไป

..... เมื่อเราลงจากขบวนรถแล้ว รถขบวนนี้ก็เคลื่อนตัวไปทำขบวนกับตู้ที่จอดรออยู่แล้วอีกประมาณสิบกว่าตู้ ซึ่งมีตู้ชั้นหนึ่งและชั้นสามรวมอยู่ด้วย รวมทั้งเปลี่ยนหัวรถจักรจากรถไฟไทยเป็นหัวรถจักรของมาเลย์.... พอรถทำขบวนเสร็จ ก็กลับมารับเราที่ชานชาลา... ตอนนี้ตู้ของเราอยู่เกือบท้ายสุดเลยครับ

..... เนื่องจากรถเสียเวลาตอนที่ออกจากสถานีหาดใหญ่ ดังนั้นจึงเหลือเวลาไม่มากสำหรับการทำพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ถึงแม้จะมีผู้โดยสารแค่ 30 คนที่ต้องทำพิธีการดังกล่าว แต่เรายังทำพิธีการยังไม่เสร็จ รถไฟก็เปิดหวูดเตรียมออกเดินทางแล้วครับ... ดังนั้นเราจึงไม่มีเวลาเหลือพอแม้แต่การแลกเงิน ซึ่งมีเคาน์เตอร์อยู่ที่หน้าสถานี .... แย่ละซิ ตอนนี้มีเงินมาเลย์ติดตัวอยู่ไม่ถึง 20 ริงกิต (เงินที่เหลือจากการเดินทางครั้งก่อน)

..... พอรถออกไปได้ประมาณ 2-3 สถานี ก็เกิดอาการหิว เลยเตรียมนำเงินที่มีติดตัวอยู่น้อยนิดไปหาซื้อของกินที่ตู้เสบียง ... แต่พอเดินไปได้สักหน่อยก็ต้องเปลี่ยนใจ เนื่องจากรถขบวนนี้ผู้โดยสารแน่นมากเลยโดยเฉพาะที่ชั้นสาม รวมถึงรถนั่งชั้นสอง ซึ่งแทบไม่มีที่ยืน ... อาจเป็นเพราะวันที่เราเดินทางเป็นวันอาทิตย์และอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของชาวฮินดู ... เลยกลับมาทนหิวรอออกไปซื้อของกินตอนรถจอดที่บัตเตอร์เวอร์ธดีกว่า....

..... รถไฟมาเลเซีย เค้าไม่อนุญาตให้แม่ค้าขึ้นมาขายของบนรถครับ และเท่าที่สังเกตดูตามสถานีต่างๆ ก็ไม่มีการขายอาหาร หรือสินค้าประจำท้องถิ่นแบบรถไฟเมืองไทย ซึ่งก็ทำให้ขาดบรรยากาศการเดินทางแบบรถไฟไทยที่เราคุ้นเคย (ผมชอบให้มีแม่ค้ามาขายของ บนรถมากกว่า เพราะได้ดู ได้ลองชิมสินค้าประจำท้องถิ่นต่างๆครับ ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของรถไฟบ้านเรา)



ภูเขานี้ชื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่มองมุมนี้ก็น่าจะให้ชื่อว่า "เขานมสาว" ก็แล้วกันนะ


โรงงานปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่ครับ เพราะแถบนี้ภูเขาหินปูนเยอะครับ


ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว ถ่ายภาพออกไปแสงก็สะท้อนกลับเป็นเงามองเห็นข้างใน

ดังนั้นจึงไม่สามารถเก็บภาพสวยๆข้างทางมาให้ดูกันได้ แต่ลองเข้าไปดูได้ในรีวิว

การเดินทางครั้งก่อนที่ http://travel2551.blogspot.com/2008/09/2.html


ถึงบัตเตอร์เวอร์ธประมาณสองทุ่มยี่สิบนาที

ตอนนี้รถกำลังเคลื่อนออกจากชานชาลา เพื่อไปทำขบวนกับตู้โดยสาร

จากบัตเตอร์เวอร์ธ-KL ซึ่งจอดอยู่ที่ชานชาลาถัดไป

.....มีเวลา 40 นาที เพราะรถจะอกจากสถานีนี้เวลา 3 ทุ่ม จึงเดินเข้าไปในสถานี เพื่อแลกเงิน และ ซื้อกินจากร้านค้าที่ท่ารถประจำทาง ใกล้ๆสถานี แต่พอไปถึงที่สถานี ปรากฏว่าร้านรับแลกเงินปิดซะแล้ว จึงใช้เงินที่เหลืออยู่น้อยนิด ซื้อน้ำกับขนมปังประทังความหิว




อาหารมื้อค่ำคืนนี้ เป็นน้ำเปล่า 3 ขวด ไมโล 2 กระป๋อง ขนมปังอีกคนละชิ้น

ราคาทั้งหมดเกือบ 70 บาท ครับ... ช่วยประทังความหิว ดีกว่าไม่มีอะไรกินล่ะครับ

..... จากนั้นเราก็นอนต่อ แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคอย่างมากในการนอนของเราบนรถขบวนนี้ก็คือควันบุหรี่ที่ลอยมาจากข้อต่อ... เนื่องจากรถไฟมาเลเซียเค้าติดแอร์ทั้งขบวนครับรวมทั้งที่ข้อต่อด้วย (ไม่เหมือนบ้านเราจะติดแอร์เฉพาะที่ห้องโดยสาร ข้อต่อจะเปิดโล่ง) ดังนั้นพอมีใครออกไปสูบบุหรี่ที่ข้อต่อของตู้ ควันมันก็ไม่ได้ออกไปไหน อบอยู่ในนั้น.. เวลามีคนเดินเข้าออกตู้ควันมันก็ลอยเข้ามาในตู้สิครับ เหม็นมากเลยครับ อีกอย่างบุหรี่มาเลย์ฉุนกว่าบุหรี่บ้านเราอีกครับ ... เล่นเอานอนไม่หลับเลยครับ และที่หลับไปได้ก็คงเป็นเพราะเมายาสูบนี่แหละครับ เพราะตื่นมาแล้วเพลี้ย...เพลีย..

.....



และแล้วรถไฟก็พาเรามาถึงสถานี Sentral Kula Lumpur อันเป็นสถานีปลายทาง..

นี่คือหัวรถจักรที่พาเรามาครับ


ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลยครับ สถานีเลยเงียบมาก ยังไม่เปิดไฟบรรยากาศเลยทึมๆ อย่างที่เห็น


สถานี Sentral KL สร้างใหม่อยู่ใกล้กับ สถานี KL เดิม

..... สถานีรถไฟ Sentral Kuala Lumpur ซึ่งเป็นสถานีที่สร้างใหม่แทนสถานีเดิมซึ่งเป็นรุ่นหัวลำโพงบ้านเรา สถานีใหม่นี้ดูทันสมัยมากครับ เมื่อเทียบกับบ้านเรา เพราะค้ามีทั้งชานชาลาลอยฟ้า บนดิน และใต้ดิน เป็นศูนย์กลางรองรับระบบการขนส่งทางรางของกรุงกัวลาลัมเปอร์เลยครับ

ประตูด้านหน้าสถานี เชื่อมติดกับถนน บรรยากาศเหมือนกับสนามบินเลยครับ

..... เรารออยู่สักพัก เจ้านายก็เอารถมารับ ที่แกมาช้าแกบอกว่าแกเข้าใจผิด ไปรอเราอยู่ที่ตรงประตูทางออกด้านรถด่วนสนามบินซึ่งอยู่ข้างล่าง เลยต้องขับรถวกกลับมารับเราอีกที แกสารภาพว่านี่เป็นครั้งแรกที่แกมาที่สถานีรถไฟแห่งนี้....




ร้านอาหารโต้รุ่ง ขายทั้งอาหารอินเดีย และมาเลย์

... เราบ่นว่าหิวเนื่องจากนั่งรถไฟมา ไม่ได้แลกเงินและไม่มีตู้เสบียงบริการบนรถ (อาจมีแต่หาไม่เจอ เนื่องจากรถแน่นมาก) ดังนั้นสิ่งแรกที่เจ้านายพาเราไปก็คือร้านอาหารอินเดีย ที่เปิดบริการตลอดคืน แกสั่งโรตีชาไน มาให้เราทานรอท้องกัน...

โรตีชาไน


...... โรตีชาไน เป็นแผ่นโรตีทานกับแกงต่างๆ เวลาทานก็ตักน้ำแกงมาราดบนโรตีแล้วก็ตักทาน รสชาดอร่อยดีครับ มีกลิ่นเครื่องเทศแบบแขก ทานเสร็จรู้สึกร้อนเลย... โรตีชาไน เป็นทั้งอาหารหลักและอาหารว่างยอดนิยมของชาวมาเลเซียครับ โดยนิคมทานเป็นมื้อเช้าและเป็นอาหารว่างระหว่างมื้อเที่ยงกับมื้อเย็น เนื่องจากคนมาเลเซียทานอาหารค่ำกันดึก ... โรตีชาไนที่อร่อย แป้งต้องนุ่มในและกรอบนอก มีทั้งแบบใส่ไข่ ใส่กล้วย และเนื้อปลา (เรียกว่าโรตีซาร์ดีน.. สงสัยคงใช้เนื้อปลากระป๋อง) เป็นต้น โรตีนี้จะไม่ใส่น้ำตาล โรยนม เหมือนบ้านเรา แต่จะเสริฟพร้อมแกง แบบอินเดีย มีหลายแกงครับ รสชาดแตกต่างกันแต่ที่แน่ๆ จะมีกลิ่นเครื่องเทศแบบแขก

..... บทสรุปการเดินทาง

  1. ค่าใช้จ่ายในเดินทาง ... ค่ารถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ สองคนรวม 1,090 บาท
  2. สภาพทั่วไปของรถไฟ .... รถไฟบ้านเราหรูกว่าครับ รถเค้าสกปรกกว่ารถไฟไทยครับ เที่ยวนี้ผู้โดยสารแออัดมากครับ ผู้โดยสารสูบบุหรี่ระว่างตู้โดยสาร ควันบุหรี่ลอยเข้าห้องโดยสาร
  3. ข้อเปรียบเทียบกับการเดินทางวิธีการอื่น .... วิธีการนี้ใช้เวลามากกว่าเครื่องบิน หรือรถทัวร์ แต่คุ้มค่ากับการได้เห็นบรรยากาศสองข้างทาง
  4. บทเรียนสำหรับการวางแผนเดินทางครั้งต่อไป ..... เที่ยวหน้าหากใช้บริการรถไฟอีก คิดว่านั่งชั้น 1 ดีกว่าครับ โดยการขึ้นรถนั่งชั้น 2 จากหาดใหญ่จนถึงสถานีปาดังเบซาร์ แล้วมาขึ้นชั้น 1 จากสถานีปาดังเบซาร์ (รถชั้น 1 จะไม่เข้าไปรับผู้โดยสารที่หาดใหญ่)
  5. แผนการเดินทางอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง .... รถทัวร์ VIP จากหาดใหญ่ไป KL ก็น่าสน ออกจากหาดใหญ่ 10 โมงเช้าไปถึง KL ช่วงบ่าย

4 ความคิดเห็น:

20 ตุลาคม 2551 เวลา 21:14 นายมะกรูด กล่าวว่า...

ชอบนั่งรถไฟ มั๊ยครับ....

30 พฤศจิกายน 2553 เวลา 17:59 มือกีต้าร์หน้าลูกรัง กล่าวว่า...

พี่คะคือว่าอยากจะไปแบบพี่เนี่ย แต่ลองกดเข้าไปดูการจองตั๋วรถไฟไม่รู้ต้องทำอย่างไงงงอยู่คะ

25 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 22:00 Unknown กล่าวว่า...

ความรู้เบี่บมมากค่ะตอนนี้ดิฉันกำลังนั่งตู้นอนชั้น1เยี่ยมมากค่ะ สะอาดมากค่ะห้องเป็นส่วนตัวดีค่ะ ราคา2 คนรวมราคา 2985 บาทค่ะประมาณนี้ที่นอนไมาปวดหลังคะนอนสบสยกว่สงมากค่ะ จสกสถสนีหัวลำโพง ไปหาดใหญ่ค่ะ

26 กันยายน 2558 เวลา 08:26 ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคฺณครับ

 
 
Hello สวัสดีครับ