TRAVEL 2551 Blog ของคนรักการเดินทาง...


... สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินทาง ไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง...
.... แต่สิ่งที่สำคัญเหนือไปกว่านั้น... คือ
การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และความประทับใจ ในระหว่างการเดินทาง ....

นั่งรถไฟไปปีนัง ภาค 3 ปีนังฮิลล์

ต่อภาค 3 นะครับ สำหรับรีวิวซีรีส์ นั่งรถไฟ.. ไปปีนัง

หลังจากเราไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ที่วัดเขาเต่า เพื่อความเป็นศิริมงคลแล้ว
จากนั้นเราก็เดินทางมาที่เชิงเขา ปีนังฮิลล์ เพื่อขึ้นรถรางนำเราขึ้นไปสู่ยอดเขาปีนังฮิลล์
หรือชื่อที่เรียกอย่างเป็นทางการในภาษามาเลย์ว่า Bukit Bendera


สถานีรถรางขาขึ้นตรงเชิงเขาครับ เราต้องซื้อตั๋วที่นี่ ราคาตั๋วสำหรับผู้ใหญ่
ถ้าหากจำไม่ผิด ราคาคนละ 8 ริงกิต (80 บาท) เป็นตั๋วไปกลับ
วันที่เราไปคนเยอะมาก เพราะนอกจากต้องเข้าคิวยาวซื้อตั๋วแล้ว ก็ต้องรอคิวขึ้นรถรางอีกตั้ง 2 ชั่วโมง
เนื่องจากรถรางต้องจำกัดจำนวนผู้โดยสารในแต่ละเที่ยว (ไม่รู้ว่าเยอะแบบนี้ทุกวันหรือเปล่า)....
แต่โชคดีที่วันนั้นเราได้ให้คนขับรถไปซื้อตั๋วให้เราก่อน ในตอนที่เราไปเที่ยววัดเขาเต่า ... เลยไม่ต้องเสียเวลารอนานนัก


รถรางมาแล้วครับ ลักษณะรถรางเป็นที่นั่งเป็นชั้นๆ 4 ชั้นแบบอัฒจันทร์
ซึ่งเอียงรับกับความชันของเส้นทาง
การโดยสารรถรางนี้จะใช้เวลา 30 นาทีจากจุดนี้ไปจนถึงสถานีที่อยู่บนยอดเขา
ซึ่งมีความสูงถึง 830 เมตร รถรางจะมีทั้งหมด 2 ช่วง
พอเราขึ้นไปจนถึงประมาณครึ่งทางก็จะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ในช่วงที่สอง ครับ


เบื้องล่างเป็นสถานีที่เราเพิ่งออกมาครับ มองลงไปสูงจังเลย....
แต่ที่เห็นเป็นแค่ประมาณช่วงเริ่มต้นเท่านั้นนะครับ ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของเส้นทางเลย...
ถือว่าโชคดีที่เลือกที่นั่งที่อยู่ชั้นล่างสุด ทำให้เราสามารถมองเห็นเส้นทาง
และเห็นวิวทิวทัศน์ข้างทางซึ่งเป็นป่าเขาเขตร้อน



ขณะที่รถรางที่เราโดยสารกำลังแล่นขึ้น ก็จะมีรถรางอีกคันแล่นลงมา
ซึ่งก็จะสวนกันที่ตรงกึ่งกลางทางพอดี ในภาพจะห็นเป็นรางหลีกขณะที่รถกำลังสวนทางกัน



นี่ยังไม่ถึงครึ่งทางของระยะทางทั้งหมดนะครับ
มองไปข้างล่างแทบจะมองไม่เห็นสถานีที่อยู่ตีนเขาเลย


และแล้วเราก็มาถึงครึ่งทาง จุดนี้เราต้องลงมาเปลี่ยนรถรางเพื่อขึ้นคันใหม่
นำเราขึ้นต่อไปในช่วงที่สองครับ..


พอเปลี่ยนรถรางในช่วงที่สอง โชคไม่ดีไม่ได้นั่งชั้นล่างสุด เลยพลาดโอกาสถ่ายบรรยากาศราง
....ดูสิจะถ่ายภาพลงข้างล่าง แต่สาวๆ ก็เสนอหน้าเข้ามาบังกล้องกล้อง ซะอีก ...
เก๊กท่าให้ถ่ายรูป.. ก็เลยถ่ายสนองไป แชะ..


ระหว่างทางก็จะมีสถานีรถรางเป็นระยะๆ ครับ
ใช้สำหรับขึ้น-ลงของผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวนนั้น หรือเจ้าหน้าที่บำรุงทาง...
ปกติหากไม่มีคนขึ้น-ลง รถก็จะผ่านไปโดยไม่จอดครับ


ด้วยการเอื้อเฟื้อของเพื่อนร่วมทาง เลยได้ภาพตอนรถรางวิ่งลอดอุโมค์มาให้ชมครับ


ตอนนี้เกือบถึงยอดเขาแล้วครับ


มองลงไปเบื้องล่าง เห็นภาพเมืองปีนังจากมุมสูง


ตอนนี้เราถึงยอดเขาแล้วครับ ...
จะเห็นเมืองจอร์จทาวน์ทั้งเมืองรวมทั้งเห็นสะพานปีนัง
ทอดยาวจากเกาะปีนังไปยังแผ่นดินใหญ่ .. วิวสวยมาเลยครับ


อากาศบนยอดเขาค่อนข้างเย็น
เค้าบอกว่าอุณหภูมิบนยอดเขาจะต่ำกว่าที่บริเวณเชิงเขาประมาณ 3 องศาเซนเซียส...
เย็นสบายๆ ครับ อากาศข้างบนนี้ก็บริสุทธิ์ด้วย


ถ่ายรูปกับป้าย เป็นหลักฐานครับ


ตรงนี้จะเป็นรถรางรุ่นเก่า ซึ่งเลิกใช้แล้ว เค้าเก็บเอาไว้เป็นอนุสรณ์
ตัวถังไม้ สภาพภายนอกยังเยี่ยม ดูคลาสสิคเหลือเกิน


บนยอดเขาปีนังฮิลล์นี้จะมี ร้านขายอาหาร มัสยิด ศาสนสถานของศาสนาฮินดู
และโรงแรมเก่าสร้างในสมัยที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ (ปัจจุบันคงปิดกิจการแล้ว)


อันนี้เป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู เด่นสง่าสวยงาม อยู่บนยอดเขา


ปูนปั้นที่หน้าบัน เป็นรูปเทพเจ้าต่างๆ ของศาสนาฮินดู


รูปปั้นบูชาเทพเจ้าที่ด้านข้างของศาสนสถาน


แมงมุมยักษ์... เป็นเครื่องยืนยันความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแถบนี้


เสียดายจริงยังเที่ยวสถานที่บนยอดเขาไม่ครบเลยครับ มืดเสียก่อนเลยต้องกลับ
เห็นบรรยากาศปีนังยามค่ำคืน


อาหารมื้อค่ำของเราวันนั้น เจ้านายพาไปทานที่ตลาดนัดกลางคืน
มีอาหารขายคล้ายๆบ้านเรา พวกก๋วยเตี๋ยว หอยทอด ข้าวมันไก่
ที่ขึ้นชื่อเพราะเห็นคนสั่งทานกันเยอะสุดก็คือ ลูกชิ้นทอดราดน้ำจิ้มแบบมาเลย์ เรียกช่อว่า โลบัก
เสียดายไม่มีภาพให้ดู แต่ยืนยันได้ว่าอร่อย...
---------------------------------------------------------------------
วันนี้ก็จบลงแค่นี้ก่อนครับ
ยังมีต่อภาค 4 เราจะข้ามสะพานปีนังไปย้อนกลับไปเที่ยวที่บัตเตอร์เวอร์ธ
กินติ่มซำตอนเช้า แล้วขึ้นเครื่องบินกลับครับ

0 ความคิดเห็น:

 
 
Hello สวัสดีครับ