ต่อภาคจบเลยครับ สำหรับรีวิวซีรีส์ นั่งรถไฟ.. ไปปีนัง
วันนี้เราตื่นแต่เช้า เพราะนัดกับรถตู้ให้มารับตอน 8 โมงเช้า ซึ่งก็ตรงกับเวลาบ้านเรา 7 โมงเช้า
วันนี้เค้าจะพาเราข้ามสะพานปีนัง เพื่อข้ามไปยังฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธ ไปทานอาหารเช้าที่นั่น
ซึ่งอาหารเช้าที่ขึ้นชื่อที่นี่ก็คือติ่มซำครับ จากนั้นก็ไปช็อปปิ้งกันที่ตลาดนัดวันอาทิตย์
ตอนเที่ยงไปทานอาหารสไตล์ดั้งเดิมของคนปีนังเชื้อสายจีน ในย่านเมืองเก่าของบัตเตอร์เวอร์ธ
ตอนบ่ายจากนั้นรถจะพาเราข้ามกลับไปยังเกาะปีนัง เพื่อไปส่งเราที่สนามบินนานาชาติปีนัง
เพื่อนั่งเครื่องบินไทยแอร์เอเชียกลับบ้าน... เป็นอันจบทริปนี้ครับ...

บรรยากาศตอนเช้าวันอาทิตย์ ท้องถนนโล่งครับ

ตอนนี้เราอยู่บนถนนเลียบฝั่งทะเล ที่เห็นอยู่ไกลๆ นั่นแหละครับสะพานปีนัง

ตอนนี้เราขึ้นสู่สะพานปีนังแล้วครับ สะพานนี้มีชื่อเป็นทางการว่า Jambatan Pulau Pinang
สะพานนี้ยาวถึง 13.5 กิโลเมตร สร้างเสร็จในปี 1985 ซึ่งตอนนั้นก็ได้เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลกอยู่พักนึง
ผมลองเข้าไปหาข้อมูลจากสารานุกรมออนไลน์ Wikipedia เกี่ยวกับสะพานที่ยาวที่สุดในโลกในปัจจุบัน
เห็นข้อมูลแล้วฮา.. เลยครับ เพราะเค้าระบุว่าสะพานที่ยาวที่สุดในโลกปัจจุบันนี้คือ Bangna Expressway หรือ
ทางด่วนบูรพาวิถี ของเรานี่เอง ซึ่งยาว 54 กิโลเมตร....http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_bridges_by_length
ปัจจุบันเค้าเชื่อมต่อกับระบบทางด่วนขั้นที่ 2 แล้ว ตอนนี้มันไม่ยาวเป็นร้อยกิโลแล้วหรือครับ.. 555...

เกาะกลางทะเลครับ จึงสันนิษฐานว่าบริเวนนี้น้ำไม่ลึก ซึ่งก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเค้าจึงสร้างสะพาน
ที่แนวนี้ ทั้งที่ระยะทางไม่ใช่เป็นจุดที่สั้นที่สุดระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่

บริเวณนี้เค้าทำเป็นแผงเหล็กกันด้านข้างของสะพาน เดาเอาว่าคงจะกั้นเพื่อเป็นกำลังลมครับ

มองย้อนกลับไปเป็นฝั่งปีนังครับ จะเห็นตึกคอมต้าสูงเด่นเป็นสง่าแต่ไกลเลย

ตรงนี้เป็นจุดกึ่งกลางของสะพานแล้วครับ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของสะพานด้วย

มองไปข้างหน้าเห็นฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธแล้วครับ

ตอนนี้เราอยู่บนฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

ข้างหน้าฝั่งตรงข้ามจะเห็นเป็นด่านเก็บเงินครับ สะพานปีนังนี้เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางด้วยครับ แต่จะเก็บเฉพาะขาเข้าเกาะอย่างเดียวครับ โดยค่าธรรมเนียมสำหรับรถเก๋ง และรถตู้ 4 ล้อจะเก็บอยู่ที่ 12 ริงกิต

ถนนเส้นนี้ถ้าวิ่งตรงไป ก็จะไปเมืองอะลอร์สตาร์ เมืองหลวงรัฐเคดาห์ ซึ่งห่างจากหาดใหญ่แค่ชั่วโมงกว่าเอง
จากปีนังไปหาดใหญ่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งครับ

เรามาถึงร้านติ่มซำที่ขึ้นชื่อของบัตเตอร์เวอร์ธแล้วครับ แต่ขอโทษที จำชื่อไม่ได้ครับ

"รีบๆเข้าไปเลยดีกว่าค่ะ..หิวแล้ว"

โต๊ะภายในร้านเต็มหมดเลย ต้องออกมาตั้งโต๊ะทานกันข้างนอก การันตีความอร่อย

ดูโฉมหน้าของอาหารครับ... น่ากินทั้งนั้น
เหตุที่ร้านนี้เป็นที่นิยม นอกจากความอร่อยแล้ว ก็คงจะเป็นเพราะที่ร้านนี้มีติ่มซำมากมายหลายเมนู
ให้เลือกทานกันนะครับ ที่เห็นวางอยู่บนโต๊ะนี่ยังไม่ถึงหนึ่งในห้าของเมนูติ่มซำทั้งหมดที่มี

อร่อยหรือไม่ ก็ดูสีหน้าคนกินก็แล้วกันครับ

ทานติ่มซำเสร็จ ก็ได้เวลาออกไปย่อยอาหารโดยการเดินช้อปปิ้งที่ตลาดนัดใกล้ๆ ครับ

ตลาดนัดที่นี่ก็ไม่แตกต่างอะไรกับตลาดนัดบ้านเรามากนัก ขายตั้งแต่เครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย
วันนี้เราตื่นแต่เช้า เพราะนัดกับรถตู้ให้มารับตอน 8 โมงเช้า ซึ่งก็ตรงกับเวลาบ้านเรา 7 โมงเช้า
วันนี้เค้าจะพาเราข้ามสะพานปีนัง เพื่อข้ามไปยังฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธ ไปทานอาหารเช้าที่นั่น
ซึ่งอาหารเช้าที่ขึ้นชื่อที่นี่ก็คือติ่มซำครับ จากนั้นก็ไปช็อปปิ้งกันที่ตลาดนัดวันอาทิตย์
ตอนเที่ยงไปทานอาหารสไตล์ดั้งเดิมของคนปีนังเชื้อสายจีน ในย่านเมืองเก่าของบัตเตอร์เวอร์ธ
ตอนบ่ายจากนั้นรถจะพาเราข้ามกลับไปยังเกาะปีนัง เพื่อไปส่งเราที่สนามบินนานาชาติปีนัง
เพื่อนั่งเครื่องบินไทยแอร์เอเชียกลับบ้าน... เป็นอันจบทริปนี้ครับ...
บรรยากาศตอนเช้าวันอาทิตย์ ท้องถนนโล่งครับ
ตอนนี้เราอยู่บนถนนเลียบฝั่งทะเล ที่เห็นอยู่ไกลๆ นั่นแหละครับสะพานปีนัง
ตอนนี้เราขึ้นสู่สะพานปีนังแล้วครับ สะพานนี้มีชื่อเป็นทางการว่า Jambatan Pulau Pinang
สะพานนี้ยาวถึง 13.5 กิโลเมตร สร้างเสร็จในปี 1985 ซึ่งตอนนั้นก็ได้เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลกอยู่พักนึง
ผมลองเข้าไปหาข้อมูลจากสารานุกรมออนไลน์ Wikipedia เกี่ยวกับสะพานที่ยาวที่สุดในโลกในปัจจุบัน
เห็นข้อมูลแล้วฮา.. เลยครับ เพราะเค้าระบุว่าสะพานที่ยาวที่สุดในโลกปัจจุบันนี้คือ Bangna Expressway หรือ
ทางด่วนบูรพาวิถี ของเรานี่เอง ซึ่งยาว 54 กิโลเมตร....http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_bridges_by_length
ปัจจุบันเค้าเชื่อมต่อกับระบบทางด่วนขั้นที่ 2 แล้ว ตอนนี้มันไม่ยาวเป็นร้อยกิโลแล้วหรือครับ.. 555...
เกาะกลางทะเลครับ จึงสันนิษฐานว่าบริเวนนี้น้ำไม่ลึก ซึ่งก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเค้าจึงสร้างสะพาน
ที่แนวนี้ ทั้งที่ระยะทางไม่ใช่เป็นจุดที่สั้นที่สุดระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่
บริเวณนี้เค้าทำเป็นแผงเหล็กกันด้านข้างของสะพาน เดาเอาว่าคงจะกั้นเพื่อเป็นกำลังลมครับ
มองย้อนกลับไปเป็นฝั่งปีนังครับ จะเห็นตึกคอมต้าสูงเด่นเป็นสง่าแต่ไกลเลย
ตรงนี้เป็นจุดกึ่งกลางของสะพานแล้วครับ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของสะพานด้วย
มองไปข้างหน้าเห็นฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธแล้วครับ
ตอนนี้เราอยู่บนฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
ข้างหน้าฝั่งตรงข้ามจะเห็นเป็นด่านเก็บเงินครับ สะพานปีนังนี้เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางด้วยครับ แต่จะเก็บเฉพาะขาเข้าเกาะอย่างเดียวครับ โดยค่าธรรมเนียมสำหรับรถเก๋ง และรถตู้ 4 ล้อจะเก็บอยู่ที่ 12 ริงกิต
ถนนเส้นนี้ถ้าวิ่งตรงไป ก็จะไปเมืองอะลอร์สตาร์ เมืองหลวงรัฐเคดาห์ ซึ่งห่างจากหาดใหญ่แค่ชั่วโมงกว่าเอง
จากปีนังไปหาดใหญ่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งครับ
เรามาถึงร้านติ่มซำที่ขึ้นชื่อของบัตเตอร์เวอร์ธแล้วครับ แต่ขอโทษที จำชื่อไม่ได้ครับ
"รีบๆเข้าไปเลยดีกว่าค่ะ..หิวแล้ว"
โต๊ะภายในร้านเต็มหมดเลย ต้องออกมาตั้งโต๊ะทานกันข้างนอก การันตีความอร่อย
ดูโฉมหน้าของอาหารครับ... น่ากินทั้งนั้น
เหตุที่ร้านนี้เป็นที่นิยม นอกจากความอร่อยแล้ว ก็คงจะเป็นเพราะที่ร้านนี้มีติ่มซำมากมายหลายเมนู
ให้เลือกทานกันนะครับ ที่เห็นวางอยู่บนโต๊ะนี่ยังไม่ถึงหนึ่งในห้าของเมนูติ่มซำทั้งหมดที่มี
อร่อยหรือไม่ ก็ดูสีหน้าคนกินก็แล้วกันครับ
ทานติ่มซำเสร็จ ก็ได้เวลาออกไปย่อยอาหารโดยการเดินช้อปปิ้งที่ตลาดนัดใกล้ๆ ครับ
ตลาดนัดที่นี่ก็ไม่แตกต่างอะไรกับตลาดนัดบ้านเรามากนัก ขายตั้งแต่เครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย
รวมทั้งอาหารสด อาหารแห่ง มากมายหลายชนิด

ตรงนี้ขายเสื้อผ้าครับ แต่ดูๆไปแล้ว สไตล์ออกจะเชยๆ และมีแบบให้เลือกน้อยกว่าบ้านเรา

ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วครับ มื้อนี้เค้าพาเราไปทานอาหารไสตล์ดั้งเดิมของคนปีนังเชื้อสายจีนครับ
ตรงนี้ขายเสื้อผ้าครับ แต่ดูๆไปแล้ว สไตล์ออกจะเชยๆ และมีแบบให้เลือกน้อยกว่าบ้านเรา
ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วครับ มื้อนี้เค้าพาเราไปทานอาหารไสตล์ดั้งเดิมของคนปีนังเชื้อสายจีนครับ
ที่เห็นเป็นข้าวซ้อมมือหุงปนกับเผือก ส่วนกับข้าวก็จะเป็น หมูพะโล้ ต้มจืดรวมมิตรใส่ลูกชิ้นและเครื่องในหมู
และก็เต้าหู้ทรงเครื่อง อาหารมื้อนี้ดูเหมือนจะธรรมดานะครับ แต่ลองได้ทานแล้วรับรองเลยว่าอร่อยมาก
อ้อลืมบอกไป.. ก่อนมาทานอาหารที่นี่เราได้ซื้อหมูย่างเจ้าอร่อยจากตลาดนัดมาทานด้วยครับ
เพราะรู้ประวัติมาว่า... ต้นตำหรับของหมูย่างเมืองตรังที่ขึ้นชื่อนั้นมาจากเมืองปีนังนี่เองครับ
ก็เลยลองซื้อหมูย่างสูตรดั้งเดิมมาลองชิมดูว่าจะอร่อยแค่ไหน... แต่พอลองทานเข้าจริงๆ แล้วรสชาด
แตกต่างจากหมูย่างเมืองตรังมากครับ เพราะหมูย่างที่นี่ไม่ถึงเครื่อง และต้องทานกับน้ำจิ้ม ส่วนหมูย่าง
สนามบินนานาชาติปีนังครับ ขนาดกะทัดรัดพอๆกับสนามบินนานาชาติหาดใหญ่บ้านเรา
ลาก่อนปีนัง วันหลังจะมาอีก.... นะ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น